การตรวจความสัมพันธ์พ่อลูกในขณะอยู่ในครรภ์เป็นกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อยืนยันความเป็นพ่อของทารกที่ยังไม่ได้เกิด การตรวจนี้สามารถช่วยลดความกังวลและความไม่แน่นอนของผู้ปกครอง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับพ่อของทารก การตรวจนี้มีหลายวิธี เช่น การตรวจด้วยเซลล์ทารกในน้ำคร่ำ การตรวจด้วยเซลล์ทารกจากชิ้นเนื้อรก และในปัจจุบันมีการตรวจจากเลือดแม่ ซึ่งแต่ละวิธีมีความปลอดภัยและความแม่นยำแตกต่างกันไป
• การตรวจด้วยเซลล์ทารกในน้ำคร่ำ (Amniocentesis) เป็นการเก็บตัวอย่างน้ำคร่ำจากมดลูกของแม่เพื่อทำการวิเคราะห์ DNA ของทารก กระบวนการนี้ทำในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ มีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรประมาณ 0.1% ถึง 0.3% มีความแม่นยำสูงกว่า 99%
• การตรวจด้วยเซลล์ทารกจากชิ้นเนื้อรก (Chorionic Villus Sampling – CVS) เป็นการเก็บชิ้นเนื้อรกเพื่อวิเคราะห์ DNA ของทารก กระบวนการนี้ทำในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ มีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตรประมาณ 0.5% ถึง 1% มีความแม่นยำสูงกว่า 99%
• การตรวจด้วยเลือดแม่ (Non-Invasive Prenatal Paternity Test – NIPP) เป็นการเก็บตัวอย่างเลือดจากแม่และพ่อเพื่อวิเคราะห์ DNA ของทารกที่หลุดออกมาในกระแสเลือดของแม่ กระบวนการนี้สามารถทำได้ตั้งแต่สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ยังน้อย โดยเริ่มตั้งแต่ 9 สัปดาห์เป็นต้นไป วิธีนี้จะไม่มีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร เนื่องจากไม่ต้องเจาะมดลูก มีความแม่นยำสูงกว่า 99%
การตรวจความสัมพันธ์พ่อลูกในขณะอยู่ในครรภ์เป็นการตัดสินใจที่สำคัญ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง และควรพิจารณาถึงผลกระทบทางอารมณ์และจิตใจต่อผู้ปกครองและทารกก่อนตัดสินใจทำการตรวจ แต่ถ้าหากคุณมีความประสงค์ต้องการตรวจเพื่อความมั่นใจ ทาเรามีบริการตรวจที่ชื่อว่า Paternity testing powered by Vangenes Inc. เพียงเจาะเลือดแม่และ swab กระพุ้งแก้ม, เล็บ,ผม อย่างใดอย่างหนึ่งขอพ่อผู้ต้องสงสัย จากนั้นทางเราจะส่งตัวอย่าง DNA นี้ไปส่งตรวจ ณ ห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐานในขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อความสบายใจของคุณในการวางแผนครอบครัวต่อไป
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://bccmedicalgroup.com/th/non-invasive-prenatal-paternity-test-powered-by-vangenes-in